กำเนิดพระภูมิ์
ตามตำราได้กล่าวว่า กำเนิดพระภูมิเจ้าที่นั้น บิดาทรงนามว่า โสกราช พระมารดาทรงพระนามว่า นางสันทาทุกข์ ได้ครองกรุงพาลี มีพระโอรส ๕ พระองค์ จึงแต่งตั้งพระโอรสเบ็นปลัดพญาไปรักษาที่ต่าง ๆ ตังนี้ พระภูมิรักษาบ้านเรือนชื่อว่า ไชยมงคล พระภูมิรักษาประตูหรือรักษาบันไตเรือนชื่อว่า นตรราช พระภูมิรักษาห้องบ่าวสาวชื่อ ว่าพระคนธรรพ์ พระภูมิรักษาที่นาชื่อว่า พระธรรมโหรา หรือพระเยาวแผ้วก็เรียก พระภูมิรักษาสวน ชื่อว่า พระธรรมิกราช พระภูมิรักษาคอกโคกระบือ ชื่อว่า พระเทเพน หรือเถวเถร ก็เรียภพระภูมิรักษายุ้งข้าวชื่อว่า พระไชยกะสพ พระภูมิรักษาวัดชื่อว่า พระทาทารา หรือพระวัยทัตและคนใช้พระภูมิ์มี ๓ คน ชื่อนายจันทิศคนหนึ่ง นายจันทีคนหนึ่ง จ่าสพพระเชิงเรือนคนหนึ่งรวม ๓ คนด้วยกัน
เมื่อผู้ใดจะทำการใด ๆ เช่นบวงสรวงหรือจะยกศาลพระภูมิ จึงจะต้องหาผู้มีวุฒิเล่าเรียน (ตรอบ) มาทำเพื่อให้ถูกทิศและต้องตามลักษณะของพระกูม์ ทั้งจะต้องเรียกชื่อพระภูมิให้ถูกต้องจึงจะรับเครื่องสั่งเวย หากบ้านเรือนใดมีศาลพระภูมิ์ ต้องสักการบูชาด้วยธูปเที่ยนเวลาค่ำทุกวัน และเมื่อดรบรอบบีของการตั้งศาลหรือวันขึ้นบีใหม่ เจ้าบ้านต้องทำการบวงสรวงสังเวยทุกบึ จึงจะเบ็นสวัสดิมงคลแก่ครอบครัว การยกศาลพระภูมิ์จะต้องทำให้ถูกต้องตามหล้าตำรา จึงจำเบ็นอย่างยิ่งที่จะต้องหาท่านที่ทรงคุณวิชาความรู้ ได้เล่าเรียนมาทำจึงจะเกิดความมันใจแก่เจ้าบ้านยิ่งขึ้น หากจะไม่ตั้งศาลก็อย่าตั้งเสียเลยทีเดียว หากตั้งขึ้นแล้วก็ต้องทำให้ถูกต้องตามลักษณะตำรา เช่นหาโหรดูฤกษ์และเลือกวันตี และดูทิศที่ตั้งกับหันหน้าศาลพระภูมิ ให้ถูกทิศจึงจะเจริญรุ่งเรืองวัฒนาถาวร ด้วยลาภยศสักการะและทรัพย์สินและบริวารสืบไป
ประวัติที่ต้องมีศาลพระภูมิ
พระภูมิเจ้าที่มีหน้าที่ รักษาบ้านเรือนเคหสถานและไร่นา เรือกสวนมาแต่ โบราณกาลตามคัมภีร์พรหมจุติว่าดังนี้ เมื่อพระพุทธเจ้าได้อุบัติขึ้นในโลก จึงได้ตรัสแก่กรุงพาลีว่า เจ้ากรุงพาลีเบียดเบียนริษยามุสาวาทแก่นรชนทั้งหลายว่าจะให้พรแก่เขาแล้วบมิให้ พระพุทธเจ้าจึงได้ทรงขอที่จากเจ้ากรุงพาลีเพียง ๓ ก้าว เจ้ากรุงพาลีถวายที่แก่พระพุทธเจ้า ๆ จึงประกาศแก่เทพยดาให้เป็นพยาน โดยพระพุทธาภินิหารทรงย่างเหยียบเพียง ๒ ก้าวก็ถึงขอบเขดจักรวาล แต่นั้นเข้ากรุงพาลีและพระภูมิเจ้าที่จึงได้ออกไปอยู่นอกเขตจักรวาล คราวนี้ก็เกิดอดอยากในเครื่องสังเวย จึงใช้ พระภูมิ์มาทูลขอเครื่อง บัตพลีและขอที่คืน พระพุทธเจ้า จึงมีพระพุทธานุญาตว่า ต่อไปนรชนใดจะสร้างบ้านสร้างเรือน ก่อพระเจดีย์ ปลูกพระศรีมหาโพธิ์ และทำพระวิหาร ทำสถานที่ ปลูกศาลา ขั้นพระพุทธรูป บวชพระภิกษุ ทำการมงคลสิ่งใด ๆ ให้จัดที่เบ็น ที่ตั้งศาลพระภูมิ์กว้างวายาววาไว้ตามบ้านเรือน ดังปรากฎมาจนตราบเท่าทุกวันนี้ แต่เรื่องนี้ก็เบ็นประวัติที่เกจิอาจารย์เล่ากันต่อ ๆ มา จะเท็จจริงสถานใด ขอท่านผู้ทรงคุณวุฒิวินิจฉัยตามความเห็นชอบเถิต ถ้าผู้ใดจะสังเวยเจ้ากรุงพาลี อย่านั่งข้างหัวนอนเจ้ากรุงพาลี เพราะเจ้ากรุงพาลีๆ จะแช่งชักและไม่รับเครื่องสังเวย ให้เข้าทางปลายเท้า เจ้ากรุงพาลีจะรับเครื่องสังเวย และ ให้พรแก่ผู้ทำการมงคลนั้น ๆ ให้เบ็นสิริมงคลต่อไป
พื้นที่ดินที่ตั้งศาล
ที่ดินทางทิศ___ พูนดินสูง ๑ คืบ กว้างยาว ๔ ศอก ทำดินให้เรียบทุบให้เน่น ศูนย์กลางชุดหลุมกันหลุมใส่ยันต์หรือเงินทอง แล้วบักเสาตั้งศาลไว้ก่อนก็ได้ (เพราะฤกษ์นั้นใช้เชิญเทพารักษ์ขึ้นศาลเบ็นฤกษ์) หันหน้าศาลทิศ สูงต่ำหน้าเจวัต (เทพารักษ์) เสมอหน้าผากเข้าบ้าน เมื่อยืนอยู่กับพื้นดินเดิม (ไม่ใช่ศาลเพียงตาตามที่ท่านเข้าใจกัน ศาลเพียงตานั้นทำขึ้นชั่วคราวสำหรับบูชาฤกษ์บูชาทิศพิธี ตัดไม้ข่มนามออกรบทัพหรือปล้นสดมภ์เป็นต้น) ถึงศาลที่ตั้งนี้ก็นับว่าเพียงตาได้เช่นกัน
เครื่องประดับศาลพระภูมิ
เครื่องประดับศาล คือ แจกันประดับดอกไม้พร้อม 1 คู่ เชิงเทียน ๑ คู่ กระถางธูป 1 กระถาง ผ้าสีเหลืองหรือชมพูหรือแดงกว้าง ๓ นิ้วยาว ๓ คืบ สำหรับผูกรัดอกเจว็ต ๑ ผืน ผ้าห้อยหน้าศาลสีเหลืองหรือแกงชมพูขนาตกว้างยาว 2 นิ้ว 1 ผืน ม่านแหวกประดับประตูศาลสีเหลืองชมพูหรือแก่งพอเหมาะกับศาล ตุ๊กตาชาย ๑ คู่ หญิง 1 คู่ ช้างม้า ๑ คู่ ละครยก ๒ โรง ธงตะขาบ (ธงขันคาด) ใช้สีเหลืองแดงหรือชมพูกว้าง ๑ นิ้วยาว ๑ คืบ ๑ ธงเทียนเพชรประดับศาล ๑ เล่ม ใช้ขี้ผึ้งแท้หนัก บาทไส้ ๑๒ เส้น บีดเงินและทองเปลวอย่างละ ๑ แผ่น ธูป ๓ ดอก
เครื่องสักการะและสังเวย
ก่อนถึงฤกษ์ข์ท่านเจ้าบ้านจัตโต๊ะสำหรับวางเครื่องสังเวย ๑ โต๊ะ ปูผ้าขาวนำมาตั้งยังหน้าศาล เก้าอี้ ๑ ตัว นำร่มกระดาษกางผูกกับไม้บักไว้หลังเก้าอี้ ๑ กัน แล้วจึงนำของสังเวยมาตั้งบนโต๊ะดังนี้
- พานวางเจว็ตพร้อมด้วยเงินบูชาครู ๖ บาท ทองคำเปลว ๓ แผ่น
- ขันน้ำมนต์มีใบชัยพฤกษ์และใบทับทิมรวมกัน ๓ มัดพร้อมด้วยน้ำ ๑ ขัน
- เทียนทำน้ำมนต์และเทียนอัษฐทิศใช้ขี้ผึ้งแท้หนัก ๑ บาท ไส้ ๑๒ เส้น รวม ๙ เล่ม เทียนเจ้าบ้านบูชา ๒ เล่ม ธูปหอม ๔๐ ดอก
- ศีรษะสุกร ๑ ศีรษะ ไก่ต้ม ๑ตัว เบ็ตต้ม ๑ ตัว ปลาเป๊ะซะพร้อมด้วยน้ำจิ้ม
- บายศรีปากชาม 3 ชาม ใช้ ไข่ยอด ฟองหรือจะรายรอบข้างให้สวยอีก ๓ ฟองก็ได้
- ดอกไม้สีเหลือง ๑ กระทง ถั่วทองดิบ ๑ กระทง งาดิบ ๑ กระทง ถั่วและงาคั่วรวมกัน ๑ กระทง
- ข้าวตอก ๑ กระทง มะพร้าวอ่อน ๑ ผล กล้วยน้ำไทย ๑ หวี ขนมต้มแดงขนมต้มขาว ขนมเล็บมือนางหรือหูช้าง นมเนย พอสมควร
- ผลไม้ต่าง ๆ ๑ พาน หมากพลูบุหรี่ พาน น้ำซาหรือ
- น้ำเย็น ๑ ถ้วย ข้าวอัษ ฐทิศ ๘ ก้อน ใส่กระทงละ 1 ก้อน (วิธีทำใช้ถั่วงาคั่วแล้วตำให้แตกผสมกับนมเน่ยน้ำผึ้งน้ำอ้อยน้ำตาลมะพร้าว ข้าวสุกปากหม้อมาคลุกกันบั้นเป็นก้อน จึงเป็นข้าวรำหรืออัษฐทิศ)
- ผ้าขาวยาว ๓ หลาสำหรับผู้ที่ทำพิธีนุ่ง ๑ ผืน
- แป้งกระแจะน้ำมันหอมสำหรับเจิม ๑ ที่ (ถ้ามีเชื้อชาติเป็นจีนจะเพิ่มกระดาษเงินกระดาษทองแลของสังเวยอย่างจีนเข้าด้วยก็ได้)
ของสังเวยดังกล่าวมานี้ข้าพเจ้าได้ตัดย่อจากพิธีหลวง เพื่อให้สมกับฐานะกำลังท่านเจ้าบ้านที่พอจะจัดหาได้ เมื่อท่านได้ตั้งเครื่องสังเวยไว้พร้อมแล้ว พอได้ฤกษ์ โหรหรือผู้ทำพิธีจะได้เชิญ ท่านเจ้าบ้านจุดธูปเทียนบูชาเบ็นปฐมฤกษ์ อัญเชิญพระภูมิเจ้าที่มาสถิตบนศาลขอความสุขสวัสดี ต่อจากนี้ผู้ทำพิธีจะได้กล่าวอัญเชิญเทพารักษ์ ขึ้นสถิตบนศาลแลสังเวย ตามคัมภีร์พรหมจุดติ ประเพณี โบราณนิยมกันว่าท่านเจ้าบ้านจะได้รับความสุขสมบูรณ์เมื่อเข้าบ้านเชื่อถือสัการะเมื่อเสร็จพิธีสังเวยแล้ว ผู้ทำพิธีจะเชิญท่านเจ้าบ้านบุตรหลานมาจุตธูปเทียนบูชา ตั้งสัตยาธิษฐานขอความสุขสวัสดีตามความปรารถา ส่วนเงิน ๖ บาทบูชาครูตามหลักผู้ทำพิธีจะคืนให้ท่านเจ้าบ้านพร้อมด้วยพร เพื่อให้ท่านเจ้าบ้านเก็บไว้กันถุงหรือเซฟ เพื่อความงอกงามออกตอกออกผลตามแบบครู หากท่านเจ้าบ้านจะมีมิตรจิตต่อท่านผู้ทำพิธีให้รางวัลเป็นการเคารพตอบแทน ตามฐานะความเบ็นอยู่ของท่านเจ้าบ้านนั้น ๆ โตยจะเทียบตามหลักเศรษ ฐกิจก็ได้ เพราะตามเคล็ดผู้ทำพิธีจะเรียกร้องราคาไม่ใด้ ส่วนพิธีแบบพราหมณ์ทราบว่าเรียกราคา เพราะของเขามีการเป่าแตรสังข์ด้วย
คาถาสังเวยพระภูมิเจ้าที่
ถ้าท่านมีศาลประจำบ้านหรือจะทำกิจการมงคลใด หรือทำบุญเลี้ยงพระแลการครบรอบการตั้งศาล หรือสังเวยประจำบีขืนจุลศักราชใหม่ตามประเพณีเดิม ต้องบูชาแลสังเวยพระไชยมงคลพระภูมิเจ้าที่ด้วยคาถาดังนี้
กุมุมสุมี ทิศาภาเค สนฺติ ภูมมา มหิทธิกา เตบีตุมุเห อนุรกุขนฺตุ อาโรคเยน
สุเขนจ์ สุปุปพยญชนสมุปนฺน ปริภุญชนฺตุ ชยุมงูคลเทวตา สพุพโทส์ ขมนุตุเมฯ
ถ้าบูชาแลสังเวยตอนบ่าย ต้องออกพระนามพระเจ้ากรุงพาลีด้วย แลก่อนเก็บเครื่องสังเวย ท่านต้องเชือดหมูปูปลาขนมนมเนย ใส่ใบตองเส้นภูตผีสางที่ โคนเสาไว้ด้วยทุกครั้ง เมื่อเทียนอัษฐทิศหมดทุกเล่มแล้ว จึงลาเครื่องสังเวยเก็บได้
คาถาลาเครื่องสังเวย
ชยนฺตุ โภนฺโต อิขทานิสิรา เนกุขมุมปญญา สหวิริยขนฺติสจุจา อริฏฐาน สเมน
ตุเปกขา ยุทฺธายโวทิสุสาวินติ อเสสโต ๆ
ในที่สุดนี้ ขออำนาจคุณพระรัตนตรัย แลสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ในสากลโลกจงดลบันดาลให้ท่านเจ้าบ้านแลครอบครัว จงประสบคว่ามสุขด้วยความตั้งใจดีตามปรารถนาจงทั่วกัน.